กําเนิดชนชาติไทย ปฐมบทแห่งความเป็นไทย

กําเนิดชนชาติไทย ปฐมบทแห่งความเป็นไทย


ความเชื่อว่าชนชาติไทยเป็นพวกอพยพจากที่อื่นและมารุกรานเอาดินแดนของเขมรโบราณในสุวรรณภูมิ

คนไทยเราถูกปลูกฝังด้วยความเชื่อ เป็นตำนานเรื่องราวการกำเนิดชนชาติไทยในทำนองที่ว่า คนไทยมีต้นกำเนิดมาจากภูเขาอัลไต แล้วก็มีการอพยพเข้าสู่ประเทศจีน แต่เมื่อคนไทยถูกรุกราน เรารักสงบ ไม่อยากมีสงคราม ก็ไม่ได้คิดจะปกป้องบ้านเมือง แล้วก็เลยต้องอพยพถอยหนีร่นลงมาเรื่อย ๆ หนีจีนจนมาก่อตั้งเป็นอาณาจักรน่านเจ้าที่บริเวณจีนตอนใต้ และก็เป็นมหาอาณาจักรทางตอนใต้ของจีน เป็นเอกราชอยู่ได้หลายร้อยปี จนมาถึงยุคสมัยที่มองโกลขยายอาณาจักร น่านเจ้าก็ถูกรุกรานอีก คนไทยจึงได้อพยพถอยหนีภัยสงครามลงมาทางใต้  แล้วก็แตกกระจายเป็นชนเผ่าไทต่าง ๆ ที่เรียกกันว่า ชนเผ่าไทหรือไต นับตั้งแต่ในรัฐอัสสัมของอินเดีย รัฐฉานในพม่า บริเวณตอนใต้ของยูนนานแถวสิบสองปันนา สิบสองจุไทในเวียดนาม ล้านนาแถบเชียงแสน ล้านช้างตามลำน้ำโขง และในกระบวนการอพยพทั้งหลายเหล่านี้ มีอยู่กลุ่มหนึ่งก็ได้อพยพหนีลงมาทางใต้เข้าสู่ดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่งต่อมาก็ได้ยึดครองผืนแผ่นดินจากขอม และก่อตั้งเป็นราชอาณาจักรไทยขึ้นบนแผ่นดินสุวรรณภูมิ ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ชนชาติไทย เกิดเป็นอาณาจักรกรุงสุโขทัย (พ.ศ.1781-1921) กรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 1893-2310) กรุงธนบุรี (พ.ศ. 2310-2325) และกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. 2325-ปัจจุบัน) ตามลำดับจนถึงปัจจุบัน

กำเนิดชนชาติไทย…ปฐมบทแห่งความเป็นไท
หนังสือเรื่อง “กำเนิดชนชาติไทย…ปฐมบทแห่งความเป็นไทย” เรียบเรียงโดย พระรุ่งเรือง ปภสสโร วศ.18 (ดร.รุ่งเรือง ลิ้มชูปฏิภาณ์)

ประวัติศาสตร์ไทยเริ่มมีความชัดเจน เมื่อมีการสถาปนากรุงสุโขทัย มีการประดิษฐ์อักษรไทย (ลายสือไท) ใน พ.ศ. 1835 นับแต่นั้น จึงได้เริ่มมีการบันทึกเป็นอักษรลายสือไท และมีการกล่าวถึงเรื่องราวของชาติไทย และระบุความเป็นชนชาติไทยขึ้น ทำให้มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของชนชาติไทยที่ชัดเจนในสมัยพ่อขุนรามคำแหง และก็ยังสามารถย้อนลำดับถึง เรื่องราวที่กล่าวถึงพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เมื่อครั้งตีสุโขทัยและก่อตั้งเป็นอาณาจักรสุโขทัยขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 1781 (1800?) สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ จึงได้กำหนดให้นับประวัติศาสตร์ชาติไทยเริ่มตั้งแต่การก่อตั้งสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยเป็นต้นมา และเรียกยุคก่อนการก่อตั้งอาณาจักรสุโขทัยว่า ยุคก่อนประวัติศาสตร์ไทยซึ่งเรื่องนี้นับเป็นพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่านเป็นอย่างมาก เพราะในขณะนั้นข้ออ้างและอิทธิพลของฝ่ายฝรั่งเศสนั้นมีมาก ที่พยายามผลักตันให้กำเนิดชนชาติไทยอยู่นอกสุวรรณภูมิ ดังนั้นพระองค์ท่านจึงได้กำหนดประวัติศาสตร์ชาติไทยให้ยุติเฉพาะส่วนที่นับตั้งแต่เป็นสุโขทัยเท่านั้น เรื่องก่อนหน้านั้นยังสรุปเป็นที่ชัดเจนไม่ได้ เป็นเพราะถ้าอนุโลมตามข้อเสนอและหลักฐานตามแนวคิดของฝรั่งเศส ก็จะเอื้อประโยชน์แก่พวกจักรวรรดิอินโดจีนฝรั่งเศสในขณะนั้นได้ พระองค์จึงไม่สรุปเป็นข้อยุติ เพื่อให้มีโอกาสสืบหาความจริงเพิ่มขึ้นในภายหลังในโอกาสต่อไป แต่น่าเสียดายที่นักวิชาการไทยก็ไม่ได้พยายามให้มีการวิจัยหาข้อเท็จจริงเพิ่มขึ้นเท่าที่ควร แต่กลับคล้อยตามความเชื่อของฝรั่ง จนทำให้ประวัติศาสตร์กำเนิดชนชาติไทยเป็นที่สับสนจนถึงปัจจุบัน

นิยายเรื่องการกำเนิดชนชาติไทย

นิยายเรื่องการกำเนิดชนชาติไทยนั้น อาศัยเค้าตามความเชื่อของฝรั่งว่าคนไทยที่อาศัยอยู่ในสุวรรณภูมินี้ ที่จริง (แต่ไม่จริง) แล้ว เป็นพวกผู้อพยพมาจากนอกสุวรรณภูมิของเขมรโบราณ แล้วก็นำเอาเกร็ดความรู้ของจีนมาประสมประสานกัน แต่งเติม สร้างเป็นประวัติศาสตร์ของชาติไทยไว้อย่างพิสดาร กล่าวคือ เริ่มต้นเรื่องว่า เมื่อประมาณ 6,000 ปีมาแล้ว คนไทยอาศัยอยู่บริเวณแถบเทือกเขาอัลไต จากนั้นก็ได้อพยพเข้าสู่เมืองจีน อาศัยตามแถบลุ่มแม่น้ำฮวงโหและลุ่มแม่น้ำแยงซี เป็นอาณาจักรปา แล้วถูกจีนรุกราน จึงถอยร่นลงมาตั้งอาณาจักรน่านเจ้าทางตอนใต้ของเสฉวน แล้วมาถูกมองโกลรุกรานอีก ก็ถอยลงมาอีกถึงสุวรรณภูมิในที่สุด ในทำนองที่ว่า ไทยนั้นรักสงบ รบกับใครไม่เป็น จึงถอยอย่างเดียว จนถอยจากอัลไตมาถึงสุวรรณภูมิ แต่ก็น่าแปลกที่ว่า เมื่อถูกคนอื่นเขารุกราน แต่เรากลับไปนับถือผู้รุกรานเขาเป็นบรรพบุรุษไทยได้อีก จึงทำให้เกิดความคิดว่า ชนชาติไทยเป็นพวกมองโกล และก็เป็นคนจีนตอนใต้ แล้วก็เป็นคนน่านเจ้าจนมาเป็นคนไททั้งหลายทางตอนเหนือของสุวรรณภูมิ จนมารุกรานเขมรโบราณในสุวรรณภูมิ และมาเป็นสยามประเทศในที่สุด การสร้างกระแสความเป็นชาติด้วยประวัติศาสตร์ของความเชื่อ จึงไม่มีความสุขุม ขาดจิตวิญญาณแห่งความเป็นชาติตามความเป็นจริง และได้กลายเป็นความอ่อนแอของสังคมในที่สุด

คนสยามอาศัยอยู่ในสุวรรณภูมินี้มาแล้วหลายชั่วอายุคน และปูย่าตายายก็ไม่เคยสั่งสอนมาก่อนว่า มีบรรพชนมาจากต่างถิ่นที่ไกลถึงน่านเจ้า หรืออัลไตจากที่ไหน ดังนั้นการนำเรื่องชนเผ่ามองโกลในแถบอัลไต ที่มีการอพยพเข้าสู่จีน มาผูกเรื่องกับการอพยพของชาวจีน แล้วนำเรื่องอาณาจักรน่านเจ้า ที่มีคนไตเป็นชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดนของจีนตอนใต้กับพม่า ลาว แล้วมาโยงกับประสบการณ์ของชาวตะวันตกในสิบสองปันนาและจีนตอนใต้ มาเชื่อมโยงสรุปว่าเป็นชาติพันธุ์เดียวกับคนสยามอีกทีหนึ่ง สังคมไทยในขณะนั้น ซึ่งยังขาดความรู้ที่กว้างขวางดังเช่นในปัจจุบัน ก็นิยมชื่นชมกับแนวความคิดนี้เป็นอย่างมาก เพราะการมีฝรั่งชาติตะวันตกมายกย่องคนไทยว่าเป็นพี่ใหญ่ของชาวจีนทั้งหลายนั้น นับเป็นเรื่องที่ถูกใจสังคมไทย จึงไม่ได้มีการตรวจสอบความถูกต้องของสมมติฐานนี้แต่อย่างไร แต่ก็คล้อยตามกันไปเป็นจำนวนมาก แต่ครั้นจะให้สยามเป็นชนชาติในกลุ่มคนไทนั้น ก็ไม่มีหลักฐานอะไร นอกจากเสียงคำไทยที่มีพ้องกันท่านั้น แต่เนื่องจากในกลุ่มชนชาติไทนั้น เขามีพี่ใหญ่เป็นหัวหน้ากลุ่มอยู่แล้ว คือ ไทยใหญ่ที่เป็นพวกฉาน ครั้นจะให้สยามเป็นพี่ใหญ่เป็นชาติผู้นำก็เป็นไม่ได้ ซึ่งในกลุ่มชนชาติไทนั้น เขาเรียกชื่อชนเผ่าไทต่าง ๆ ตามชื่อเมือง เช่น ไทลื้อ ไทลานนา หรือสีผิวที่แตกต่างกันตามท้องถิ่นต่าง ๆ เช่น ไทดำ แต่ไม่มีชื่อเมืองน้อยอะไร ยกเว้นเรียกฉานที่เป็นเมืองใหญ่โตว่า ไทใหญ่

นักวิชาการฝรั่งเศส นายยอร์ช เซเดส์ ต้องการให้เขมรเป็นใหญ่ในสุวรรณภูมิ โดยให้ชนชาติไทยเป็นคนนอกสุวรรณภูมิ ที่มารุกรานเขมร จึงเสนอให้ชนชาติไทยเป็นน่านเจ้าที่อพยพหนีกุบไลข่านที่เข้ายึดครองน่านเจ้า จึงเสนอให้ชนชาติไทยเป็นพวกน่านเจ้า ซึ่งก็เป็นที่พอใจของสังคมไทยเป็นอย่างมาก เมื่อได้ศึกษาประวัติศาสตร์จีนพอจะมีความรู้บ้าง ก็ประยุกต์แต่งให้เป็นเรื่องราวที่สอดคล้องกับความเชื่อที่ว่า คนไทยมาจากน่านเจ้าและอัลไตตามฝรั่งเขากันให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น เป็นการดัดแปลงประวัติศาสตร์จีนในรูปแบบของไทย โดยลำดับเรื่องกล่าวว่า ชนชาติไทยอยู่ในอัลไต แล้วอพยพเข้าสู่บริเวณผืนแผ่นดินระหว่างแม่น้ำฮวงโหกับแม่น้ำแยงซีเกียงในประเทศจีนมาก่อน นับตั้งแต่การอ้างอิงถึงการสงครามรบระหว่างฮวงตี้กับเหยียนตี้บริเวณลุ่มแม่น้ำฮวงโห ตั้งแต่สมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ของจีน เมื่อประมาณ 1,500 ปี ก่อนพุทธศักราช คือเมื่อ 4,000 ปีมาแล้ว และก็อ้างเอาว่า คนไทยคือพวกเหยียนตี้ที่แพ้สงครามแล้วอพยพลงใต้มาเป็นน่านเจ้า จากนั้นก็กล่าวถึงการอพยพของคนไทยไปก่อตั้งเป็นอาณาจักรต้ามุงและปา เป็นลำดับ

เรื่องนครรัฐปานั้น เป็นดินแดนทางใต้ของแคว้นฉินในตอนปลายสมัยราชวงศ์โจว ซึ่งเป็นบริวณที่เรียกว่าแคว้นหล่ง อยู่บริเวณตอนเหนือเสฉวน สำหรับดินแดนด้านใต้ต่ออีกส่วนที่เรียกว่า “สู่” ซึ่งก็คือตอนกลางของที่ราบเสฉวน จีนจึงเรียกดินแดนแถบนี้รวมกันว่า “ปาสู” ในการรวมอาณาจักรจีนสมัยราชวงศ์ฉินนั้น ดินแดนเสฉวนยังถือว่าเป็นดินแดนชายขอบ อยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางอำนาจของอาณาจักร ซึ่งในช่วงตอนปลายราชวงศ์ฉินนั้น พระเจ้าเล่าปังก็ได้มาสร้างกองกำลังทหารที่เสฉวน ก่อนที่จะยกกองทัพไปรวบรวมจีนตอนกลางให้เป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จและก่อตั้งราชวงศ์ฮั่นตะวันตกขึ้น ต่อมาในสมัพระเจ้าลิวซิ่วได้กอบกู้ราชวงศ์ฮั่นใหม่ และก่อตั้งราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ก็ได้ยกกองทัพมาปราบปรามดินแดนปาสูแห่งนี้ ปาสูจึงถูกผนวกรวมเข้าเป็นหนึ่งในอาณาจักรจีนนับแต่นั้นเป็นต้นมา

อาณาจักรต้ามุงของนิยายชนชาติไทยนั้น ก็อาศัยจากบันทึกราชวงศ์ฮั่นที่กล่าวถึงชาวเผ่าม่าน หรือมุง หรือหนาน เรียกว่าอาณาจักรหนานจง ที่อยู่บริเวณตอนใต้ของเสฉวน ซึ่งเป็นชนเผ่าที่อพยพมาจากธิเบต จนมาเป็นพวกเบ้งเฮ็กในเรื่องสามก๊ก ภายหลังชนเผ่าเหล่านี้ก็รับเอาอารยธรรมจากจีนจนค่อย ๆ มีความเจริญขึ้น จนสามารถรวบรวมชนเผ่าต่าง ๆ ก่อตั้งเป็นอาณาจักรน่านเจ้าทางใต้ของเสฉวนขึ้นในปลายสมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งก็เป็นมูลเหตุที่กล่าวอ้างว่า คนไทยมาจากน่านเจ้าอีกทีหนึ่ง และก็นิยมชมชอบเบ้งเฮ็กเป็นการใหญ่ เพราะคิดว่าเบ้งเฮ็กเป็นบรรพชนไทย การศึกษาวิจัยของไทยในยุคนั้นยังขาดทั้งความรู้และข้อมูลต่าง ๆ เป็นอย่างมาก แต่กลับมีความคิดเปลี่ยนเอาชื่อจีน ๆ ให้มีชื่อเป็นไทย ๆ เปลี่ยนประวัติศาสตร์จีน และเปลี่ยนชื่อบ้านเมืองให้เป็นแบบฉบับไทย ๆ ไปได้อย่างน่าพิศวง เรียกได้ว่าเป็นการสร้างเรื่องประวัติศาสตร์กันเอง ทั้งประวัติศาสตร์ของชาติตนเองและประวัติศาสตร์ของชาติอื่นเขา เรื่องประวัติศาสตร์ที่เป็นหลักการทางวิชาการก็เลยกลายเป็นนิยายจีนโบราณ เป็นตำนานการกำเนิดชนชาติไทยขึ้นมา เด็กไทยต้องเรียนท่องจำชื่อลำดับกษัตริย์น่านเจ้าแบบจีน ๆ กัน โดยไม่รู้ว่าใครเป็นใคร นี่แหละปัญหาพื้นฐานการพัฒนาระบบการศึกษาไทย ที่ขาด “การวิจัยและพัฒนา” อย่างถูกต้องนั่นเอง

ตามความจริง เรื่องการเกิดขึ้นของนิยายกำเนิดชนชาติไทยก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจอยู่บ้าง เพราะพวกฝรั่งนี้เจ้าเล่ห์มาก ยากนักที่นักวิชาการไทยที่ขาดข้อมูลในสมัยนั้นจะสามารถคัดค้านโต้แย้งกับนักวิชาการฝรั่งได้ แต่ครั้นจะให้คนไทยไปเป็นพวกเดียวกับกลุ่มชาติพันธุ์คนไทที่ด้อยกว่านั้น ก็เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นจึงได้พยายามสร้างให้สยามยิ่งใหญ่ สมกับเป็นพี่ใหญ่เป็นผู้นำของชาติพันธุ์ไททั้งหลายในสุวรรณภูมิ จนมีเรื่องชาติกำเนิดชนชาติไทยว่า เป็นน่านเจ้าบ้าง หรือเป็นจีนบ้าง จนเป็นมองโกลในที่สุด ตามความนิยมของกระแสสังคมในยุคสมัยนั้น แต่ในปัจจุบันเมื่อโลกมีความก้าวหน้าและกว้างขวาง มีข้อมูลความรู้ใหม่ๆ อีกมาก ความจริงก็เป็นที่ประจักษ์ว่าความเชื่อทั้งหลายเหล่านั้นไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงควรที่จะทำการแก้ไขความผิดพลาดต่าง ๆ ในเรื่องกำเนิดชนชาติไทยให้เกิดความถูกต้องตามความเป็นจริง มิใช่ปล่อยให้ปัญหาคั่งค้างสะสมไปถึงลูกหลานไทยต่อไปอีก


ที่มา: อินทาเนีย ฉบับที่ 2 ปี พ.ศ. 2567 คอลัมน์ เก็บมาฝาก โดย พระรุ่งเรือง ปภสฺสโร วศ.18


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save